ไทยพลัสนิวส์ พาไปรู้จักกับ ภาวะเท้าแบน (Flatfoot)

 ไทยพลัสนิวส์ พาไปรู้จักกับ ภาวะเท้าแบน (Flatfoot)

ไทยพลัสนิวส์ พาไปรู้จักกับ ภาวะเท้าแบน (Flatfoot) เป็นภาวะที่เท้าไม่มีส่วนโค้งที่บริเวณอุ้งเท้า เมื่อยืน อุ้งเท้าจะแบน สัมผัสกับพื้น โดยเด็กแรกเกิดนั้นจะมีเท้าที่แบน จนอายุ 6 ปี จึงเริ่มมีอุ้งเท้า


ภาวะเท้าแบน

เท้าแบน (Flat feet) หรือที่ทางการแพทย์เรียกกันว่า ภาวะเท้าแบน (Flatfoot) เป็นภาวะที่เท้าไม่มีส่วนโค้งที่บริเวณอุ้งเท้า เมื่อยืน อุ้งเท้าจะแบน สัมผัสกับพื้น โดยเด็กแรกเกิดนั้นจะมีเท้าที่แบน จนอายุ 6 ปี จึงเริ่มมีอุ้งเท้า โดยทุก ๆ 10 คนจะมี 2 คนที่เท้าแบนจนเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ นอกจากนี้ผู้ใหญ่บางรายอาจเริ่มมีอาการเอ็นที่เท้าเสื่อมจนอุ้งเท้าเริ่มแบน


อาการเอ็นที่เท้าเสื่อมจนอุ้งเท้าเริ่มแบน (fallen arches) โดยปกติแล้วภาวะเท้าแบนมักไม่ก่อให้เกิดอาการใด ๆ แต่ภาวะเท้าแบนอาจกลายเป็นปัญหาได้หากเป็นต่อเนื่องมาตั้งแต่วัยเด็กหรือเพิ่งมาเริ่มเป็นในวัยผู้ใหญ่


ชนิดของภาวะเท้าแบน

เท้าแบนแบบยืดหยุ่น เป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด ขณะที่ไม่ได้ยืนจะมองเห็นส่วนโค้งของเท้าได้ แต่เมื่อยืนหรือลงน้ำหนักลงที่เท้า ส่วนโค้งจะหายไป ภาวะนี้อาจสืบเนื่องมาตั้งแต่วัยเด็กหรือวัยรุ่น อาการมักแย่ลงเมื่อเวลาผ่านไป เนื่องจากเส้นเอ็นกล้ามเนื้อและเอ็นยึดเริ่มยืดออก ฉีกขาด หรือบวม

เท้าแบนแบบติดแข็ง อาการมักเริ่มในช่วงวัยรุ่น เมื่อนั่งหรือยืนจะมองไม่เห็นส่วนโค้งของเท้า การงอเท้าหรือขยับเท้าไปด้านข้างทำได้ยากและปวด

เท้าแบนในผู้ใหญ่ เนื่องจากเอ็นในขาที่พยุงส่วนโค้งของเท้าฉีกขาด ส่วนโค้งของเท้าจึงยุบตัวลงฉับพลัน เกิดอาการปวดมาก

กระดูกข้อเท้าตั้งตรงแต่กำเนิด (Vertical talus) หรือขาเก้าอี้โยก (Rocker-bottom foot) เป็นความผิดปกติโดยกำเนิด เนื่องจากกระดูก talus ในข้อเท้าอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง


อาการเท้าแบน เป็นอย่างไร?

ผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีอาการใด ๆ ในขณะที่บางรายอาจมีอาการที่พบบ่อย คือ ปวดเท้าด้านในจากเส้นเอ็นอักเสบ ขาเป็นตะคริว ปวดกล้ามเนื้อขา ปวดอุ้งเท้า ปวดส้นเท้า หรือปวดบริเวณเท้าด้านนอกจากกระดูกเท้าแบนและล้มไปเสียดสีกัน ปวดเวลาเดินหรือเปลี่ยนท่าเดิน


อะไรคือสาเหตุที่ของภาวะเท้าแบน?

ภาวะเท้าแบนอาจเป็นกรรมพันธุ์ แต่ผู้ป่วยบางรายอาจมีปัญหาสุขภาพที่เพิ่มความเสี่ยงให้เท้าแบนได้ เช่น ดาวน์ซินโดรม สมองพิการ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ตั้งครรภ์ หรือกระดูกเท้าหัก


ภาวะเท้าแบน

การตรวจวินิจฉัยภาวะเท้าแบน มีกี่วิธี อะไรบ้าง?

การตรวจร่างกาย

แพทย์จะตรวจเท้าและสังเกตรอยที่รองเท้าเพื่อดูกลไกการทำงานของเท้าและท่าทางการเดิน หากผู้ป่วยมีอาการปวด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ โดยแพทย์อาจให้พบกับนักบาทานามัยหรือศัลยแพทย์ด้านกระดูกและข้อเพิ่มเติม

การตรวจวินิจฉัยด้วยภาพถ่าย

การเอกซเรย์ เป็นการถ่ายภาพกระดูกและข้อต่อที่เท้า ประเมินแนวของเท้า และช่วยตรวจพบภาวะข้ออักเสบได้

การทำซีทีสแกน (CT scan) จะแสดงภาพที่ละเอียดกว่าการเอกซ์เรย์ มักทำในกรณีเท้าแบนแบบติดแข็ง เพื่อดูตำแหน่งของกระดูกที่เชื่อมกัน หรือในกรณีที่มีเท้าแบนร่วมกับข้อเสื่อม

อัลตราซาวด์ แสดงภาพเนื้อเยื่ออ่อนที่เท้าเพื่อดูว่าเส้นเอ็นได้รับบาดเจ็บหรือไม่

การทำ MRI ช่วยให้เห็นภาพของกระดูก เนื้อเยื่ออ่อน และเส้นเอ็นข้อเท้าฉีก

รักษาอาการเท้าแบนได้อย่างไร?

โดยปกติแล้วการรักษาภาวะเท้าแบนนั้นไม่จำเป็นหากภาวะดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดอาการใด ๆ หรือไม่ทำให้รู้สึกปวด ในผู้ป่วยที่มีอาการปวด แพทย์อาจแนะนำให้เข้ารับการบำบัด


การบำบัด ช่วยบรรเทาอาการปวด แต่ไม่สามารถทำให้เท้ากลับมาตรงได้

แผ่นรองอุ้งเท้า สามารถออกแบบให้เหมาะกับสรีระเท้าของแต่ละบุคคล แต่ไม่สามารถช่วยรักษาภาวะเท้าแบนได้

การยืดเหยียด จะช่วยยืดเอ็นร้อยหวายที่สั้นลงได้

การทำกายภาพบำบัดช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่เท้าและปรับปรุงท่าทางการเดินให้ดีขึ้น

การผ่าตัด แพทย์จะพิจารณาทำการรักษาด้วยการผ่าตัดเมื่อการรักษาด้วยการบำบัดนั้นไม่สามารถบรรเทาอาการหรือความเจ็บปวดได้ หรือผู้ป่วยมีอาการปวดเรื้อรังขัดขวางการใช้ชีวิตประจำวัน โดยมีทั้งการผ่าตัดแบบแผลเล็ก (MIS) และการผ่าตัดแบบปกติ

การปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตและการดูแลรักษาตัวเองที่บ้าน

เพื่อบรรเทาอาการ ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตัวได้ดังนี้

หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีแรงกระแทกสูง เช่น การวิ่งหรือกระโดด ซึ่งจะทำให้อาการแย่ลง ควรว่ายน้ำ เดิน หรือขี่จักรยานแทน

สวมใส่แผ่นรองอุ้งเท้า

รับประทานยาแก้ปวด เช่น ไอบูโปรเฟน หรือนาพรอกเซน โซเดียม

ลดน้ำหนักตัว เพื่อลดแรงกดบนฝ่าเท้า

การเตรียมตัวก่อนพบแพทย์

สวมใส่รองเท้าที่ใช้เป็นประจำไปพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ประเมินลักษณะการใส่รองเท้าและพิจารณาว่ารองเท้านั้นเหมาะกับผู้ป่วยหรือไม่

เตรียมคำตอบสำหรับคำถามที่แพทย์อาจจะถาม ยกตัวอย่าง เช่น

เริ่มมีอาการเมื่อไร ?

รู้สึกปวดตื้อ ปวดจี๊ด หรือปวดแสบปวดร้อนหรือไม่ อาการปวดส่งผลต่อชีวิตประจำวันหรือไม่?

เคยได้รับบาดเจ็บที่เท้าหรือข้อเท้าหรือไม่?

มีใครในครอบครัวมีภาวะเท้าแบนบ้างหรือไม่?

อ้างอิงจาก medparkhospital



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เมืองสกาเกน (Skagen) เมืองแห่งการผสมกันของน้ำทะเล

เมืองโอเดนเซ (Odense) เมืองแห่งประวัติศาสตร์ของเดนมาร์ก