ไทยพลัสนิวส์ ขอเสนอ ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือภาวะขาดประจำเดือน (Amenorrhea)

 ไทยพลัสนิวส์ ขอเสนอ ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือภาวะขาดประจำเดือน (Amenorrhea)

ไทยพลัสนิวส์ ขอเสนอ ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือภาวะขาดประจำเดือน (Amenorrhea) คือการที่ไม่มีประจำเดือนนานราว 3-6 เดือน อาการคือการไม่มีประจำเดือน โดยอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับสาเหตุของภาวะขาดประจำเดือน



ประจำเดือนมาไม่ปกติ

ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือ ภาวะขาดประจำเดือน

ประจำเดือน เกิดจากการที่เยื่อบุโพรงมดลูกหลุดลอก กลายเป็นเลือดและเนื้อเยื่อออกมาทางช่องคลอด ซึ่งการมีรอบเดือนนั้นเป็นผลมาจากการควบคุมของระบบอวัยวะสืบพันธุ์อันซับซ้อน โดยสมองส่วนล่าง (hypothalamus) ทำหน้าที่ควบคุมต่อมใต้สมอง (pituitary gland) ซึ่งควบคุมการตกไข่ รังไข่ทำหน้าที่สร้างไข่และฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ซึ่งมดลูกจะตอบสนองต่อฮอร์โมนดังกล่าวและสร้างเยื่อบุโพรงมดลูกให้หนาขึ้น พร้อมสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อนและการตั้งครรภ์


ภาวะขาดประจำเดือน หรือประจำเดือนมาไม่ปกติ คือการที่ไม่มีประจำเดือนนานราว 3-6 เดือน โดยผู้หญิง 1 ใน 4 คนมักเคยประสบกับภาวะดังกล่าวอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต


ประเภทของภาวะขาดประจำเดือน

ภาวะขาดประจำเดือนแบบปฐมภูมิ คือ การไม่มีประจำเดือนเมื่ออายุครบ 15 ปี หรือหลังเข้าวัยเจริญพันธุ์มาแล้ว 5 ปี ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากพันธุกรรมหรืออาจเกิดขึ้นภายหลัง

ภาวะขาดประจำเดือนแบบทุติยภูมิ คือ การไม่มีประจำเดือนเป็นเวลา 3-6 เดือน ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการตั้งครรภ์ การให้นมบุตร ความเครียด หรือโรคเรื้อรัง


อาการประจำเดือนมาไม่ปกติ

อาการหลักคือการไม่มีประจำเดือน โดยอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับสาเหตุของภาวะขาดประจำเดือน


อาการจากภาวะหมดประจำเดือน เช่น ร้อนวูบวาบ มีขนขึ้นที่หน้าหรือร่างกาย ช่องคลอดแห้ง

น้ำนมไหล

สิว

ปวดศีรษะ

การมองเห็นเปลี่ยนไป

สาเหตุที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือประจำเดือนขาดไป

ภาวะขาดประจำเดือนจากสาเหตุตามธรรมชาติ เช่น การตั้งครรภ์ การให้นมบุตร หรือวัยหมดประจำเดือน

การใช้ยา เช่น ยาคุมกำเนิด ยาแก้แพ้ ยาควบคุมความดันโลหิต ยาต้านอาการทางจิต ยาต้านเศร้า เคมีบำบัด

ปัจจัยทางด้านการดำเนินชีวิต เช่น การออกกำลังกายมากเกินไป การใช้พลังงานของร่างกายสูง ไขมันในร่างกายต่ำ น้ำหนักตัวน้อยกว่าน้ำหนักตัวมาตราฐานราว 10% ซึ่งมักพบในนักกีฬาหรือนักเต้นบัลเล่ต์ หรือเป็นโรคที่มีพฤติกรรมการรับประทานอาหารผิดปกติ ได้แก่ โรคล้วงคอ (bulimia) หรือ ภาวะไม่อยากอาหารจากปัญหาทางจิตใจ (anorexia) จะส่งผลต่อระดับฮอร์โมนและการตกไข่ จนทำให้ประจำเดือนไม่มา นอกจากนี้การที่มีความเครียดทางจิตใจก็ส่งผลต่อฮอร์โมนและรอบเดือนได้

ระดับฮอร์โมนที่ไม่สมดุล เนื่องจากปัญหาทางสุขภาพ เช่น ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ ซึ่งส่งผลให้ระดับฮอร์โมนสูงอยู่ตลอดเวลา ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ อันได้แก่ ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ ซึ่งทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ เนื้องอกที่ต่อมใต้สมอง หรือภาวะหมดประจำเดือนก่อนวัยอันควร

ปัญหาทางด้านอวัยวะสืบพันธุ์

ภาวะมีพังผืดในโพรงมดลูก เนื่องจาก Asherman’s syndrome ซึ่งอาจเกิดจากการผ่าคลอด การรักษาพังผืดมดลูก หรือการขูดมดลูก

ไม่มีอวัยวะสืบพันธุ์ เช่น มดลูก ปากมดลูก หรือช่องคลอด ตั้งแต่กำเนิด

ช่องคลอดตีบหรืออุดตัน ขัดขวางการไหลของประจำเดือน

ประจำเดือนมาไม่ปกติ

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ

ปัจจัยเสี่ยงของภาวะขาดประจำเดือน ได้แก่ ความเครียด การออกกำลังเข้มข้นมากจนเกินไป น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป การรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ พฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ผิดปกติ โรคเรื้อรัง มีประวัติของคนในครอบครัวเข้าสู่วัยทองก่อนวัยหรือมีภาวะขาดประจำเดือน หรือมีโรคทางพันธุกรรมที่ส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง


ภาวะแทรกซ้อนหากมีภาวะขาดประจำเดือน

ภาวะมีบุตรยากในผู้ที่มีภาวะตกไข่ไม่สม่ำเสมอ

เสี่ยงต่อภาวะแท้งบุตรหากภาวะขาดประจำเดือนเกิดจากความไม่สมดุลของระดับฮอร์โมนในร่างกาย

เสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนและโรคหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจากระดับฮอร์โมนเอสโทรเจนไม่เพียงพอ

ปวดท้องน้อย หากภาวะขาดประจำเดือนเกิดจากปัญหาทางด้านกายภาพ

เกิดความเครียดทางจิตใจเนื่องจากประจำเดือนไม่มาตามปรกติ

การตรวจวินิจฉัย

การซักถามประวัติและตรวจร่างกาย

แพทย์จะซักถามประวัติการมีประจำเดือนและทำการตรวจภายใน หากผู้ป่วยจดบันทึกการมีประจำเดือนเอาไว้จะช่วยในการวินิจฉัยสาเหตุของโรคได้

การตรวจการตั้งครรภ์

การตรวจเลือด

การตรวจพันธุกรรม เพื่อประเมินว่ามีภาวะรังไข่หยุดทำงานหรือไม่ โดยเฉพาะผู้ที่อายุน้อยกว่า 40 ปี

การตรวจวินิจฉัยด้วยภาพถ่าย เช่น อัลตราซาวด์รังไข่และมดลูก หรือการตรวจ MRI เพื่อตรวจต่อมใต้สมอง

รักษาภาวะขาดประเดือน หรือ ประจำเดือนมาไม่ปกติ

ภาวะขาดประจำเดือนจากการตั้งครรภ์ การให้นมบุตร การหมดประจำเดือนไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา หากภาวะขาดประจำเดือนเกิดจากปัญหาด้านอื่น ๆ การปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตอาจช่วยได้ โดยเริ่มรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เช่น ยกน้ำหนักหรือออกกำลังกายเพื่อสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง และจัดการกับความเครียดที่มี บางรายอาจจะต้องรับประทานยาฮอร์โมน เช่น เอสโทรเจน แคลเซียม หรือวิตามินดี แพทย์อาจทำการผ่าตัดในผู้ป่วยที่มีพังผืดในมดลูก เนื้องอกต่อมใต้สมอง มีผนังกั้นช่องคลอดหรือภาวะเยื่อพรหมจรรย์ไม่เปิด

การป้องกันประจำเดือนมาไม่ปกติ

รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบห้าหมู่

ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอและมีคุณภาพ

จัดการกับความเครียด

พบสูตินรีแพทย์ตามนัดเพื่อเข้ารับการตรวจภายในและตรวจแปบสเมียร์

จดบันทึกการมีรอบเดือนในแต่ละครั้ง เพื่อดูว่าเริ่มมีรอบเดือนวันใดและนานเท่าไร? ประจำเดือนขาดบ้างหรือไม่?

การเตรียมตัวก่อนพบแพทย์

สอบถามคนในครอบครัวว่ามีใครเคยมีภาวะขาดประจำเดือนหรือไม่ ?

จดบันทึกอาการที่มี วันและระยะเวลาที่มีประจำเดือน ยาและอาหารเสริมที่กำลังรับประทาน ปัญหาที่กระทบจิตใจที่กำลังเผชิญอยู่ รวมถึงคำถามที่ต้องการถามแพทย์ เช่น

ภาวะขาดประจำเดือนเกิดจากอะไร?

จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจเพิ่มเติมหรือไม่?

ควรเข้ารับการรักษาด้วยวิธีใดบ้าง?

นอกจากนี้ผู้ป่วยอาจเตรียมคำตอบสำหรับคำถามที่แพทย์มักจะถามไว้ล่วงหน้าได้


มีประจำเดือนครั้งล่าสุดเมื่อไร?

มีเพศสัมพันธ์เป็นประจำหรือไม่?

คุมกำเนิดหรือไม่?

กำลังเผชิญกับความเครียดใด ๆ หรือไม่?

น้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือลดลงหรือไม่?

ออกกำลังกายเป็นประจำหรือไม่?

มีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ หรือไม่?

อ้างอิงจาก medparkhospital





ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เมืองสกาเกน (Skagen) เมืองแห่งการผสมกันของน้ำทะเล

เมืองโอเดนเซ (Odense) เมืองแห่งประวัติศาสตร์ของเดนมาร์ก

ไทยพลัสนิวส์ กีตาร์โปร่งสำหรับมือใหม่ ต้องมีอุปกรณ์อะไรบ้าง?