ไทยพลัสนิวส์ ส่องอนาคต JMT เรือธง “กลุ่มเจมาร์ท” หลัง Q2 ทำกำไรนิวไฮ โบรกฯ เชียร์ “ซื้อ” ครึ่งปีหลังโตได้อีก
ไทยพลัสนิวส์ ส่องอนาคต JMT เรือธง “กลุ่มเจมาร์ท” หลัง Q2 ทำกำไรนิวไฮ โบรกฯ เชียร์ “ซื้อ” ครึ่งปีหลังโตได้อีก
ไทยพลัสนิวส์ ส่องอนาคต JMT นักลงทุนต่างให้ความสนใจ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ_JMT บริษัทย่อยที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นเรือธงของกลุ่ม บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เนื่องจากเป็นบริษัทเดียวที่สามารถประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 2/66 ออกมาดี และสามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่อง สวนทางบริษัทในกลุ่มซึ่งถูกกดดันจากประเด็น “หนี้เสีย” อย่าง_SINGER_และ SGC
ทั้งนี้ JMT ประกอบธุรกิจ 3 ประเภทหลัก ได้แก่ 1) ธุรกิจให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้ บริษัทให้บริการแก่ผู้ว่าจ้างที่เป็นสถาบันการเงินและผู้ประกอบการต่างๆ 2) ธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ และ 3) ธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 2/66 นั้น บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ_551.0_ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวของปีที่ผ่านมา 27.2% ซึ่งถือเป็นกำไรสุทธิรายไตรมาสที่สูงสุด โดยสำหรับรอบ 6 เดือนปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,004 ล้านบาท ขณะที่บริษัทมีการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพรวม 4,126 ล้านบาท เป็นผู้นำอันดับหนึ่งในด้านพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพของประเทศในด้านหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อกำไรสุทธิไตรมาสที่ 2/66 ออกมาดีใกล้เคียงที่ตลาดคาด และในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 บริษัทลงทุนไปแล้ว 4.1 พันล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปีของบริษัทที่ 1-1.5 หมื่นล้านบาท
ขณะเดียวกัน ประเมินกำไรปีนี้ที่_2.1_พันล้านบาท เติบโต_22%_จากปีก่อน ตาม_Cash Collection_และการซื้อหนี้ที่เพิ่มขึ้น หลังสถาบันการเงินเตรียมขายหนี้มากขึ้นหลังหมดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ รวมถึงปีนี้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัท บริหารสินทรัพย์ เจเค จำกัด หรือ_JK AMC_ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หลังเริ่มดำเนินการเต็มที่ และพอร์ตหนี้ใหญ่ระดับแสนล้านบาทแล้ว โดยยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น_JMT_ที่ราคาเป้าหมาย 56.00 บาท
ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุในไปในทิศทางเดียวกันว่า คาดแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 ที่ 592 ล้านบาท ปรับตัวขึ้น 30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 7% จากไตรมาสก่อน หนุนโดยการเก็บหนี้ที่เพิ่มขึ้นจากหนี้ที่ได้ซื้อมาก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2566 ขึ้น 8% มาอยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น_29%_จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากประมาณการส่วนแบ่งกำไรจาก_JK AMC_เพิ่มขึ้น 105% มาอยู่ที่_563_ล้านบาท ซึ่งบันทึกการจัดเก็บเงินสดของบริษัทร่วมในปัจจุบันนั้นสูงกว่าที่เราคาดก่อนหน้า เรายังปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ขึ้น 8% มาอยู่ที่_2.7_พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น_21%_จากปี 2566
อย่างไรก็ดี การจัดเก็บเงินสดในไตรมาส 2/66 น่าฟื้นตัวต่อเนื่องไปในครึ่งหลังของปี 2566 และปัจจุบันคาดอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีของกำไรปี 2566-2568 ที่ 23% ปรับเพิ่มคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ ณ สิ้นปี 2566 ที่ 46.00 บาท
ส่วน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า จากข้อมูลในอดีตชี้ให้เห็นว่าที่ผ่านมา_JMT_มักมีกําไรในช่วงครึ่งปีหลังที่ดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก ขณะที่มีปัจจัยเข้ามาสนับสนุน ได้แก่ พอร์ตลูกหนี้ที่ซื้อมาเพิ่ม 6 หมื่นล้านบาท ในงวดไตรมาส_2/66_น่าจะเริ่มจัดเก็นหนี้และรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/66 เป็นต้นไป และพอร์ตลูกหนี้ที่ยังจะเพิ่มขึ้นอีกในครึ่งปีหลัง จากนโยบายของบริษัทที่จะซื้อหนี้เข้ามาเพิ่มอีก จากเดิมในช่วงครึ่งปีแรก ที่คาดจะมีพอร์ตลูกหนี้ราว 4.4 แสนล้านบาท รวมพอร์ตของ JK AMC
ทั้งนี้ เชื่อว่าราคาหุ้น JMT จะ_“Outperform”_ตลาดได้จาก 1) ระยะสั้นมีปัจจัยหนุนจากกําไรในงวดไตรมาส_2/66_ที่เติบโตดีขึ้น 2) ช่วงครึ่งปีหลังกําไรยังดูมีแนวโน้มสดใส โดยคาดจะเติบโตขึ้นได้ต่อเนื่อง และ 3) ราคาหุ้น_JMT_สะท้อนความกังวลต่างๆ ไปมากแล้ว โดยปรับฐานไปแล้วนับตั้งแต่ต้นปี 2566
เจมาร์ท ส่องอนาคต JMT
อ้างอิง : ไทยรัฐออนไลน์


ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น