วัดพระพุทธบาทผาหนาม
วัดพระพุทธบาทผาหนาม
ปีเป็นจุดเด่น ซึ่งภายในวัดได้เก็บร่างที่ไม่เน่าเปื่อยของท่าไว้ในโลงแก้ว หอปราสาทรักษาศพ ณ วัดพระพุทธบาทผาหนามแห่งนี้ และในทุกวันที่ 3 มีนาคมของทุกปี จะมีประเพณีเปลี่ยนผ้าห่อสรีระซึ่งมีผู้คนมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ส่วนอีกจุดคือองค์พระธาตุที่ตั้งอยู่บนยอดดอย 2 องค์ (พระธาตุทอง พระธาตุขาว) โดยมีสะพานไว้สำหรับเดินเชื่อมถึงกัน นอกจากจะได้กราบไหว้พระธาตุแล้ว
หากใครที่เดินทางขึ้นไปบนพระธาตุช่วงเวลาประมาณ 6 โมงเช้า จะได้เห็นกับทะเลหมอกและสามารถชมวิวทิวทัศน์ของอำเภอลี้ได้แบบ 360 องศาอีกด้วย
วัดพระพุทธบาทผาหนาม
ประวัติ วัดพระพุทธบาทผาหนาม
พระพุทธบาทผาหนามตั้งอยู่ในเขตที่ 16 อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน นับเป็นปูชนียสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของอำเภอลี้ เพราะในเดือนเมษายนของทุกปี จะมีงานนมัสการสรงน้ำพระธาตุเจดีย์และพระบาทเป็นประจำ โดยมีประชาชนทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลกันมาทำบุญเป็นจำนวนมาก ลักษณะพระบาทเป็นรอยค่อนข้างชัดเจนเหยียบประทับไว้บนแผ่นหินบนดอยผาหนาม ปัจจุบันสร้างมณฑปรูปเจดีย์ครอบไว้และพุทธศาสนิกชนต่างหใความศรัทธาว่าเป็นรอยพระบาทของพระองค์ รอยพระบาทแห่งนี้ถูกค้นพบมานานเท่ามดไม่ปรากฎ แต่จากหลักฐานที่พบเข้าใจว่าจะเป็นวัดมาก่อน เพราะพบซากอิฐปรักหักพังและรายชื่อเจ้าอาวาส 8 รูปนับย้อนหลังอายุการครองวัดไปเกือบถึง 300 ปี จากนั้นวัดพระพุทธบาทผาหนามก้ได้รกร้างว่างเปล่าไปเป็นเวลาช้านานจะด้วยสาเหตุใดไม่ปรากฎ จากตำนานพระพุทธบาทผาหนามที่จารึกไว้บนใบลานได้เล่าว่า ครั้งพุทธกาลสมัยที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จจาริกโปรดเวนัยสัตว์ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่บริสุทธิ์ ด้วยทรงหวังจะให้สัตว์พ้นทุกข์จากวัฏฏสงสารอยู่อย่างไม่ย่อท้อพระทัย
วัดพระพุทธบาทผาหนาม
ก็พอดีมันมาซวนเซซบแทบพระบาทของพระศาสดาพอดีด้วยอาการที่สิ้นแรง พระองค์จึงเอื้อมพระหัตถ์ลูบหัวมันด้วยเมตตา แล้วทรงใช้พระดรรชนีจิ้มตรงแผ่นหิน ทันใดนั้นก็มีสายน้ำพุ่งขึ้นมาด้วยพุทธปาฏิหาริย์ให้สุนัขจิ้งจอกได้ดื่มกินให้สมอยาก ฝ่ายพญานาคไล่ตามมาถึงเห็นสุขนับจิ้งจอกยู่แทนพระบาทพระพุทธองค์ก็มิอาจเข้าใกล้ได้ด้วยอำนาจพุทธฤทธิ์ จึงหันกลับมาสู่ถ้ำด้วยความโกรธและอาฆาตในพระองค์ที่ทรงขัดขวางไม่ให้มันกินสุนัขจิ้งจอกได้สมใจ หลังจากที่ทรงช่วยสุนัขจิ้งจอกตัวนั้นให้พ้นภัยแล้ว พระองค์จึงเสด็จมาที่ดอยผาหนาม พญานาคเห็นพระองค์เสด็จมาดังนั้น จึงเนรมิตให้ดอยทั้งลูกปรากฏเป็นหนามอันแหลมคมไปหมด หวังจะไม่ให้พระองค์ขึ้นไปบนดอยได้ พร้อมทั้งแผ่พังพานกั้นทางเสด็จ พระพุทธองค์ทรงเล็งเห็นว่าจะโปรดนาคราชตัวนี้โดยมิได้ข่มมานะทิฎฐิเสียก่อนมิได้จึงเหาะขึ้นบนอากาศด้วยพุทธฤทธิ์แล้วเหยียบพระบาทลงบนพังพานกดเศียรพญานาคลงกับพื้นหินจนพญานาคกระดิกกระเดื้ยไม่ได้ แล้วมันก้หายตัวไปด้วยิชอิทธิฤทธิ์วิธี พระองค์จึงเสด็จเข้าไปในถ้ำที่อยู่ของพญานาค สักครู่หนึ่งก็มีมานพคนหนึ่งมีรูปกายสวยงามเข้ามาหาพระองค์ พระองค์ทรงทราบด้วยพระญาณว่ามานพคนนี้ คือพญานาคจำแลงมานั่นเอง ฝ่ายมานพจำแลงหลังจากกราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์แล้วจึงทูลขึ้นว่า
ท่านจะเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยความสุขที่แท้จริง แล้วทรงประทานศีลให้นาคราชสมาทานและตรัสธรรมสอนสั่งในสัคคาถา หลังจากจบเทศนาพญานาคมีปิติมีน้ำตาอันอาบหน้าด้วยความซาบซึ้ง แต่มิอาจบรรลุธรรมได้เพราะมีชั้นภูมิเป็นสัตย์เดรัจฉาน พระองค์จึงเสด็จขึ้นสู่หลังดอยทรงอธิษฐานเหยียบประทับรอยพระพุทธบาทไว้ที่แผ่นหิน แล้วตรัสกับนาคราชว่า ดูกร นาคราช ท่านจงรักษาสถานที่แห่งนี้ไว้เถิด เพราะต่อไปในอนาคตรอยพระบาทแห่งนี้จะเป็นที่แห่งมหาขนมาบูชาเป็นสังเวชนียสถาน เมื่อเขาทั้งหลายได้มาถึงน้อมรำลึกถึงเราย่อมเข้าถึงธรรมเหตุนั้น เขาทั้งหลายย่อมมีความสุข มีสุขคติเป็นที่หวัง
หลักฐานการครองการ
1.ครูบามหารัตนากร
2.ครูบาปินใจ
3.ครูบาพุทธิมา
4.ครูบาสุนันทะ
5.ครูบาจันทร์แก้ว
6.ครูบาก๋า(เดิมอยู่วัดห้วยต้ม)
7.ครูบาอินตุ้ย(เดิมอยู่วัดนาทราย)
8.ครูบาสุยะ(เดิมอยู่วัดแม่หว่าง)
หลังจากท่านครูบาสุยะเป็นเจ้าอาวาสแล้ว ก็ไม่ปรากฏว่า วัดพระพุทธบาทผาหนาม มีเจ้าอาวาสชื่อใดครอบครองอีกและวัดแห่งนี้ก็ผุพังรกร้างไปตามกาลเวลา เข้าใจว่า บ้านเมืองระยะนั้นคงจะเกิดภัยสงคราม จนกระทั่งถึงปี 2507 ท่านครูบาเจ้าอภิชัยขาวปี จึงร่วมกับราษฎรหมู่บ้านผาหนาม ซึ่งได้อพยพมาจากอำเภอฮอด อันเนื่องมาจากน้ำท่วมจากการสร้างเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก และศรัทธาพุทธศาสนิกชนจากที่ต่างๆช่วยกันสร้างวัดขึ้นอีก จนเจริญรุ่งเรืองถึงปัจจุบันนี้ สมกับพุทธทำนายที่ทรงพยากรณ์ สถานที่แห่งนี้จะเจริญเป็นสังเวชนียสถานและประกาศพระสัทธรรมแก่ผู้แสวงหาต่อไปในอนาคตกาล
วัดพระพุทธบาทผาหนาม




ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น